วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นิทานอีสป

นิทานอีสป เรื่อง "มดน้อยจอมขยัน"



ในฤดูร้อนที่ร้อนมากของวันหนึ่งจิ้งหรีดจอมขี้เกียจตัวหนึ่งเห็นฝูงมดขนข้าว, เศษผลไม้และลูกไม้ต่าง ๆเดินรำเรียงกันเอาเข้าไปเก็บสะสมไว้ในรังอย่าง ขะมักขะเม้น มันจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างมากจึงถามพวกมดว่า " นี่เจ้ามด พวกเจ้าน่ะขนข้าว,ขนอาหารไปเก็บไว้ทำไม ?ในทุ่งก็มีมากมายกินกัน ไม่รู้จักหมดรู้จักสิ้นอยู่แล้ว พวกเจ้านี่ช่างแปลกจริง ๆ ร้อนออกจะตายไป บ้าบอไม่มี ที่เปรียบ ขยันกันจริงนะพวกเจ้า ฮ่า ๆๆ " มันคิดดูถูกพวกมดอย่างมาก...พวกมดจึง หันมาตอบกวน ๆกับมันว่า " ท่านว่าแปลกมากหรือ? " "แต่พวกข้าว่าไม่เห็นจะน่าแปลก ตรงไหนเลย ฤดูกาลนี้พืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ พวกข้าเก็บได้ง่ายและที่ เหลือกินก็จะช่วยกันขนเอาไปเก็บสะสมไว้เป็นสะเบียงในฤดูหนาวที่แห้งแล้งไม่มีพืชพันธ์ ธัญญาหารให้เก็บกินกัน
ได้ง่าย ๆไงล่ะ "เจ้าจิ้งหรีดเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า " จะไปคิดอะไร กันมากมายถึงกาลไกลโน่นให้ปวดหัวด้วยล่ะเสียเวลาปล่าว ๆ เอาอย่างข้านิสินึกจะกินก็กิน นึกจะนอนก็นอนอาหารมีอยู่รอบตัวไม่เห็นเคยอดหยากสักครั้งเลย " ตอบแล้วมันก็บินหนีไปแทะ อ้อยข้างทางอาหารโปรดของมันเหมือนขี้เกียจต่อกรกับพวกมด พวกมดมองเจ้าจิ้งหรีดที่บิน จากไปแล้วคิดว่า " ยังไม่รู้ถึงความอดหยาก ถึงได้ดูถูกและล้อเลียนพวกเรา รอให้ฤดูหนาวมาถึงก่อน เถอะ...ฮึ...แล้วจะรู้สึก "
แม้แต่ในวันที่ฝนตกหนัก พวกมดก็ยังยอมเปียกฝนด้วยตัวที่สั่นเทาไม่ลดละและเลิกขนสะเบียงอาหาร เลยมันยังคงตั้งหน้าตั้งตาลำเรียงเข้าไปเก็บไว้ในรังอยู่อย่างเดิม...เจ้าจิ้งหรีดซึ่งนั่งหลบฝนอยู่ใต้ใบไม้ เมื่อมันเหลือบไปเห็นพวกมดเข้าเท่านั้นมันก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดังและส่ายหัวไปมาแล้วพูด ดูถูกล้อเลียนพวกมดว่า "ขยันกันจริง ๆนะพวกเจ้า ฮ่า ๆๆ..ฝนตกเฉอะแฉะน่ารำคาญจะตาย อย่างวันนี้ พวกเจ้าถ้าจะบ้าเอาอย่างมากเลยนะ...ข้าว่ามานอนหลบฝนกับข้าไม่ดีกว่าเหรอ รอให้ฝนหยุดเสียก่อนจะดีกว่านะ ฮ่า ๆๆๆ " แต่พวกมดก็ยังเดินขนของไปแล้วหันมาตอบกับจิ้งหรีด เหมือนไม่ยอมให้เสียขนอาหารไปเลยสักนิด " บอกแล้วไง ตอนนี้ยังพอมีพืชพันธ์ธัญญาหารให้เก็บอยู่ ต้องรีบเอาไปเก็บสะสมไว้อีกให้มาก ๆไง " จิ้งหรีดส่ายหัวไปมาด้วยความเบื่อในความคิดของ พวกมดมันเลยเกล้งนั่งหลับไม่ยอมหันกลับไปมองพวกมดอีกเลย...
และในวันที่ลมพัดแรงแสนแรง พวกมดก็ยังคงทำงานและหน้าที่ของมันอยู่ไม่มีเปลี่ยนแปลง พวกมันเดินเกาะกลุ่มกันเดินต้านลมขนข้าวขนสะเบียงอาหารอยู่เหมือนเดิม เจ้าจิ้งหรีดนั้น วันนี้หนีลม แรงเข้าไปหลบอยู่ในโพรงไม้และเมื่อมันมองออกไปและเห็นพวกมดเข้าให้อีก มันจึงตะโกนออกมา ด้วยเสียงอันดังแล้วก็ยังพูดดูถูกพวกมดเหมือนเดิมอีกนั่นแหละว่า " ข้าว่าพวกเจ้านี่บ้าจริง ๆของ แท้เลยหละ...ลมพัดแรงจะตายไป ยังจะขยันกันอยู่ได้อีก เดี๋ยวก็ปลิวไปตามลมหรอก ฮ่า ๆๆๆ " พวกมดนั้นฟังเจ้าจิ้งหรีดพูดดูถูกและล้อเรียนจนเคยเสียแล้วแต่พวกมันก็ไม่ได้คิดโกรธ แถมยัง หยุดเดินและพูดเตือนเจ้าจิ้งหรีดด้วยอีกว่า " นี่ท่านจิ้งหรีด นี่ก็ใกล้จะถึงฤดูที่แห้งแล้วแล้วนะ ท่านได้เตรียมและหาเก็บสะสมสะเบียงอาหารไว้บ้างแล้วหรือยัง?? "  เมื่อย่างเข้าฤดูแล้งแหล่งอาหารของมดและแมลงต่าง ๆก็เริ่มเหลือน้อยลงเข้าทุกที พื้นดินนั้นก็เริ่ม แตกระแหง ต้นไม้ที่ยืนต้นนั้นใบก็เริ่มเหี่ยวเฉาลง เจ้าจิ้งหรีดที่ชอบเอาแต่ความสบายและไม่เคยคิด ถึงกาลข้างหน้าสักนิดเลยนั้น เพราะมันมัวแต่เอาแต่ร้องรำทำเพลงอย่างมีความสุขมาตลอดไม่ได้คิด เตรียมตัวไว้รับสภาพที่แห้งแล้งหาของกินยากที่เยือนมาถึงนี้เลย มันจำต้องนั่งเอาใบไม้คลุมตัว ไว้ด้วยความหนาวและพร้อมกับความหิวโหยด้วยมันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว เรี่ยวแรงที่เคยมีก็ หมดไป มันจึงไม่สามารถที่จะบินไปหาแหล่งอาหารที่อยู่ไกล ๆกับใครเขาได้...
แล้วในที่สุดฤดูหนาวก็มาเยือน หิมะเริ่มตกพรำลงมา เจ้าจิ้งหรีดหนาวสะท้านด้วยความหนาวและ หิวโหยเหลือเกิน....และเมื่อสิ้นไร้หนทางเข้า มันจึงเที่ยวคลานไปตามที่ต่าง ๆที่มีรังของพวกแมลง เพื่อหวังขอเศษอาหารจากพวกแมลงเหล่านั้นกินปะทังชีวิตของมัน มันคลานตะเวนไปเรื่อย ๆจน ร่างกายสกปรกมอมแมมไปหมดจนกระทั่งมันมาพบกับรังของพวกมดที่มันเคยพูดดูถูกและล้อเลียน เอาไว้อย่างมากมาย แต่เพราะความหิวและใกล้จะตาย มันพยายามรวบรวมพลังที่มีเหลืออยู่น้อยนิด นั้นเคาะประตูรังของพวกมดทันที "ก๊อก ๆๆ ได้โปรดเถิด นึกว่าสงสารแมลงด้วยกัน ช่วยแบ่งเศษอาหาร ให้ข้าปะทังความตายและความหิวสักนิดเถิดท่านมด "
พวกมดจึงเปิดประตูให้แล้วพูดว่า " พวกเราจะแบ่งอาหารให้กับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าจะต้องสำนึกผิดที่ ได้เคยพูดดูถูกและล้อเลียนพวกข้าเอาไว้เมื่อก่อนเสียก่อน " เจ้าจิ้งหรีดจึงพูดว่า " เจ้าไม้ต้องบอกให้ข้า สำนึกหรอก มดเอ๋ย...ข้ารู้ซึ้งและเข้าใจที่เจ้าบอกแล้วว่าความอดหยากและแล้นแค้นนั้นมันเป็นอย่าง ไร? เพราะกว่าจะหาข้าวได้สักเม็ด ผลไม้สักผล...นี่ถ้าข้าเชื่อพวกเจ้าเสียตั้งแต่แรก ป่านนี้คงตุนอาหารไว้ เต็มบ้าน ไม่ต้องมานั่งคลานอย่างกระเสือกกระสนและเที่ยวขอเขากินอย่างหรือยิ่งกว่าขอทานแบบนี้ ว่าแต่เจ้ามีข้าวสักเม็ดหรือปล่าวบริจากให้ข้าสักหน่อยเถอะ " มดส่ายหัวอย่างอิดหนาระอาใจ แต่ก็กวักมือเรียกให้เข้ามาในรัง แล้วแบ่งข้าวให้จิ้งหรีดกินหลายเม็ด....
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า        รู้จักเก็บออม รู้จักวางแผน ให้ความสำคัญและรอบคอบ ก็จะมีกินมีใช้ ไม่ขาดมือและลำบาก  
ราชสีห์กับหนู
วันหนึ่งมีแม่หนูตัวหนึ่งเดินแบกสะเบียงอาหารเทินไว้บนหัว แล้วเดินอย่างรีบเร่ง เพื่อที่จะนำกลับไปให้ลูก ๆซึ่งกำลังรอกันอยู่ด้วยความหิวอยู่ที่ในรังของมัน...มันเดิน แหวกกอหญ้าไปข้างหน้าเรื่อย ๆ แต่จะเป็นด้วยความที่รีบร้อนหรือด้วยมันเป็นหนูที่มีนิสัย ไม่ชอบดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย...ก็อาจเป็นได้ เพราะแทนที่พวกกอหญ้าที่มันตั้งหน้าตั้งตาแหวก ไปข้างนั้นจะเป็นกอหญ้าจริง ๆไงกลับกลายมาเป็นขนลำแพนคอของราชสีห์ตัวหนึ่งที่กำลัง นอนหลับกลางวันอยู่อย่างอุตุเข้า ตัวหนึ่งไป...เมื่อมันได้รู้สึกตัวว่ามันได้เดินมาผิดที่เสียแล้ว มันจึงตกใจกลัวอย่างที่สุด " อ้า ร่า ร้า ร้า...แย่แล้วสิเราคราวนี้... "แม่หนูร้องเสียงหลงเลยทีเดียว
ราชสีห์ตัวนั้นกำลังนอนหลับสบาย ๆอยู่ดี ๆ เมื่อมันมีความรู้สึกว่าได้มีสิ่งแปลกปลอมชนิดหนึ่ง มาเดินต้วมเตี้ยมเกะกะอยู่ตรงขนลำแพนคอของมันเข้าอย่างนั้น มันจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมทั้งคำราม ขึ้นด้วยความโกรธ และพร้อมกันนั้นมันได้เอื้อมมือที่มีอุ้งเล็บที่ใหญ่และแหลมคมของมันขึ้นไปตะบบ เจ้าสิ่ง ๆนั้นทันที..และหมายที่จะกินเสียด้วยความโกรธ แม่หนูจึงได้พูดอ้อนวอนขอร้องกับราชสีห์ว่า " ท่านราชสีห์ ได้โปรดไว้ชีวิตอย่าได้ฆ่าข้าพเจ้าเลย...ข้าพเจ้ายังมีลูกที่ยังเล็ก ๆอยู่หลายตัว ที่จะต้อง เลี้ยงดู ได้โปรดไว้ชีวิตสัตว์ตัวเล็กๆและต่ำต้อยอย่างข้าพเจ้าเถอะ " ราชสีห์ฟังแม่หนูอ้อนวอนขอชีวิต มันหยุดคิดแล้วพูดแบบฉุนเฉียวว่า " แช๊ะ..นึกว่าอะไร ที่แท้ก็เป็น หนูตัวเล็กเท่าธุลีดิน กินเข้าไปก็เท่านั้นแหละ ไม่ได้ช่วยยาใส้ให้ข้าได้หรอก " มันจึงได้ปล่อยแม่หนูตัวนั้น ให้เป็นอิสระ...และก่อนที่แม่หนูจะจากไปได้หันมาบอกกับราชสีห์ว่า " ขอบคุณท่านที่ช่วยไว้ชีวิตให้ คราวนี้ คงจะมีสักวันหนึ่งที่จะได้ตอบแทนบุญคุณของท่านเมื่อเวลาที่ท่านเดือดร้อนบ้าง...ข้าพเจ้าจะ ไม่มีวันลืมเลยเป็นอันขาด " แล้วแม่หนูก็รีบเดินจากไป ราชสีห์มองแม่หนูตัวนั้นแล้วพูดขึ้นลอย ๆเพราะ นึกขำขึ้นมาติดหมัดว่า "ฮ่า ๆๆหนูตัวเท่าธุลีดินแค่นี้ จะมีวันที่จะได้ตอบแทนบุญคุณราชสีห์อย่างข้าได้ ละมั้ง ?ฮ่า ๆๆ " ว่าแล้วมันก็หันกลับมาล้มตัวลงนอนอย่างเดิมตามเรื่องตามราวของมันต่อไป... อยู่ต่อมาไม่นานวันหนึ่งหลังจากที่ราชสีห์ตัวนั้นได้ตื่นขึ้นมาหลังจากนอนกลางวันตามปกติของมันแล้ว และท้องของมันก็เริ่มส่งเสียงร้องด้วยความหิว มันจึงออกเดินเพื่อหาเหยื่อไปในที่ต่าง ๆ เมื่อมัน เดินมองหาและคิดตัดสินใจไปด้วยกันว่าวันนี้จะเอาสัตว์ตัวไหนมาเป็นเหยื่ออันโอชะดีอยู่นั้น มันก็มอง ไปเห็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่งในดงหญ้าเข้า " เอ๋ ๆๆนั่นมันก้อนเนื้อนี่..แหมวันนี้ช่างโชคดีเสียจริง " มันคิดและพร้อมกันนั้นก็ย่างสามขุมเข้าไปที่ก้อนเนื้อก้อนนั้นทันที...
และในฉับพลันนั้นเอง ก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น...มันเป็นเสียงของกับดักที่นายพรานป่าวาง และเอาก้อนเนื้อล่อไว้นั่นเอง ราชสีห์จึงเป็นอันต้องติดกับดักอันนั้นของนายพรานป่าไปโดยปริยาย.... มันร้องครวญครางด้วยเสียงอันดัง แล้วในขณะนั้นเผอิญแม่หนูตัวที่มันได้เคยไว้ชีวิตให้ไว้ตัวนั้น ได้ผ่านมาทางนั้นกับลูก ๆของมันเข้าพอดีโดยบังเอิญ... แม่หนูจำราชสีห์ได้...มันจึงบอกกับราชสีห์ว่า " อย่ากลัวไปเลยท่าน พวกเราจะช่วยท่านเอง " ว่าแล้ว แม่หนูก็สั่งให้พวกลูก ๆของมันตรงเข้าไปช่วยกันกัด,แทะ "กา ริ..กา ริ..."บ่วงกับดักอันนั้นให้กันเป็น การใหญ่...แม่หนูกัดไปและมองไปไกล ๆทางด้านโน้นของภูเขาเข้า แล้วมันก็รีบตะโกนบอกเร่งลูก ๆ เป็นการใหญ่ว่า " เร็ว ๆลูกช่วยกันกัดเชือกทุกเส้นให้ขาดเร็ว ๆ นั่นนายพรานป่าที่เป็นเจ้าของบ่วง มันกำลังเดินมาทางโน้นเห็นลิบ ๆนั่นแล้ว... เร็ว ๆลูกช่วยกัน " แล้วก็จริงอย่างที่แม่หนูพูดเลยเพราะที่ไกลออกไปตรงลิบ ๆนั้นนายพรานป่าเจ้าของบ่วงกับดักกำลัง เดินมาจริง ๆอย่างที่มันพูดบอก...และด้วยความพยายามของหนูแม่ลูก ราชสีห์จึงได้หลุดออกมาจากบ่วง ได้อย่างทันการก่อนที่นายพรานป่าจะมาถึงตรงนั้น ราชสีห์บอกขอบคุณแม่หนูเป็นการใหญ่ " ขอบคุณพวกท่านมาก...ท่านหนู แม้ตัวของพวกท่านจะเล็กแค่ธุลีดินแค่นี้ก็เถอะ ถ้าคิดรวมพลังกันแล้ว ก็สามารถและกลับกลายเป็นพลังอันใหญ่หลวงได้เหมือนกัน เราเชื่อและทึ่งในพลังอันมหาศาลของพวก ท่านแล้วจริง ๆ " มันพูดขอบคุณจบแล้วก็วิ่งไปคาบก้อนเนื้ออันที่เกือบจะทำให้มันต้องพบจุดจบก่อนนั้นไว้ แล้ววิ่งหนีหายไปจากตรงนั้น 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
รู้จักทำคุณกับผู้อื่น สักวันต้องได้รับการตอบแทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น